หัวข้อล่าสุด

หัวข้อที่มีคนตอบล่าสุด

Followers

เมื่อย่างเข้าสู่วัยสาว ร่างกายของผู้หญิงและผู้ชาย จะสร้างกลิ่นของร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยดึง ดูดเพ­ศตรงข้ามด้วย
*สำหรับลูกผู้หญิงบริเวณจุดซ่อนเร้นหรือที่เรียก ว่าช่องคลอดนั้นเป็นอวัยวะที่ส­ามารถทำความสะอาดตัวของมันเองได้ตามระบบ ธรรมชาติได้ส่วนหนึ่ง แต่บางครั้งมักมีกลิ่นมาให้รำคาญใจ…*.เลยทำให้ผู้หญิงหลายต่อหลายคนเกิดความ สงส­ัย และกังวลจนเสียความมั่นใจกับจุดนี้อีกเยอะ
….เช่นเดียวกับข้อสงสัยที่ว่านี้….คุณเคยเจอหรือเปล่า
รู้สึกว่า พื้นที่จุดซ่อนเร้นมักมีกลิ่นอับๆ สังเกตได้ชัดเจนมากเวลาที่เข้าห้องน้ำสิ่งนี้เกิดจากอะไรและแก้ไขอย่างไรดี
กลิ่น อับของบริเวณจุดซ่อนเร้นนี้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เรื่องของรูปร่างค่อนข้างท้วม เหงื่อจะออกง่าย ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พอเหงื่อออกแล้ว ก็จะเกิดกลิ่นอับที่ต้นขาและตามจุดอับชื้นต่างๆ ของร่างกาย ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดีการแก้ไขคือ จำไว้ว่าถ้าอยากให้บริเวณไหนของร่างกายมีกลิ่นสะอาด ก็ต้องทำให้ผิวช่วงนั้นมีความแห้ง โปร่ง สบายให้มากที่สุด เช่น การเลือกชุดชั้นในควรเลือกเป็นผ้าฝ้ายบางๆ ก็จะดีกว่าผ้าหนาๆ หรือเลือกสวมกางเกงที่ไม่รัดต้นขาก็จะดีกว่า กางเกงในแบบจีสตริงก็เป็นทางช่วยวิธีหนึ่ง แต่การโรยแป้งอาจไม่แก้ปัญหา กลับทำให้อับมากขึ้น ถ้าอยากใช้น้ำยาอนามัยเพื่อจุดซ่อนเร้นทำความสะอาดก็ทำได้ แต่อย่าล้างเข้าไปถึงข้างใน
*จริงหรือเปล่าผู้หญิงที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนมักจะมีกลิ่นที่จุดซ่อนเร้­น *
ผู้หญิง ที่เคยมีเพศสัมพันธ์มานั้น จุดซ่อนเร้นอาจจะมีกลิ่นได้ง่ายกว่าคนโสดหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับหลายสาเหตุ เช่น ผู้ชายที่ไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย ไม่ได้รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศของเขาอย่างดีพอเมื่อมีเซ็กซ์กัน มีการสัมผัสกับอวัยวะเพศหญิงกับสิ่งสกปรกที่หมักหมมใต้หนังหุ้มปลายองคชาติ ของผ­ู้ชาย ก็อาจเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น และอีกอย่างหนึ่ง ภายในจุดซ้อนเร้นของผู้หญิงนั้น จะมีลักษณะเป็นกระเปราะ ทำให้อาจมีน้ำอสุจิค้างอยู่หลังการมีเพศสัมพันธ์ก็เกิดโอกาสมีกลิ่นได้
* ทำไมช่วงเวลามีรอบเดือน มักต้องมีตุ่มหรือผื่นแดงขึ้นที่ส่วนนั้นด้วย ไม่ทราบว่าตัวเองผิดปกติหรือเปล่าและคนอื่นๆ เขาจะเป็นเหมือนเราไหม *
เวลา มีรอบเดือน ฮอร์โมนมันเพี้ยน พอฮอร์โมนเพี้ยนไปจากปกติ จะเกิดการระคายเคืองง่าย มีตุ่มและผื่นแดงเกิดขึ้น หากรู้สึกว่าเป็นมากก็ควรไปพบแพทย์ ให้เขาใช้ครีมสเตียรอยด์อ่อนๆ ทา ผิดปกติไหม ไม่ผิดหรอก เพราะหลายๆ คนก็มักมีอาการแบบนี้คือผิวอ่อนไหวกว่าเดิม
*การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อจุดซ่อนเร้น จะช่วยให้ผิวที่เป็นรอยแดงช่วงขาหนีบนุ่มขึ้นรอยแดงหายไปด้วยหรือเปล่า *
จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกัน เพราะรอยผื่นและรอยแดงมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น แพ้ขอบยางกางเกงในหรือใช้แผ่นอนามัยที่ไม่ค่อยได้คุณภาพ อีกพวกหนึ่งคือบริเวณขาหนีบชิ้นหรือต้นขาใหญ่ ก็เกิดผื่นได้ถ้าเป็นผื่นมากก็ควรไปหาหมอเพื่อจะได้รักษาให้ถูกวิธี เช่น อาจให้ครีมที่เป็นสเตียรอยด์อ่อนๆ มาทา รอยแตกจากการใช้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
*ช่วงเวลาที่มีรอบเดือน จะรู้สึกว่าแพ้ผ้าอนามัยโดยมีอาการคันและเป็นผื่นแดงๆ ที่ข้างๆ ขาทุกครั้ง จะมีวิธีป้องกันหรือแก้ไขอย่างไรบ้าง *
วิธีที่ง่ายที่สุดคือ เปลี่ยนยี่ห้อผ้าอนามัย เพราะถ้าเกิดใช้ยี่ห้อนี้แล้วแพ้ ยี่ห้ออื่นอาจจะไม่แพ้ก็ได้หรือไม่ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ก็อาจใช้วิธีคุมกำเนิดโดยการฉีดยาคุมก็ได้ เมื่อไม่มีประจำเดือน ก็จะไม่ต้องใช้ผ้าอนามัยและจะได้ไม่แพ้
*มีหลายคนบอกว่าการใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นจะทำร้ายแบคทีเรียที่ดี และเราจะติดเชื้อง่ายขึ้น *
แค่ ไม่ฉีดเข้าไปภายในช่องคลอดก็พอแล้ว แต่ถ้าเป็นการทำความสะอาดเฉพาะผิวภายนอกดีที่สุดคือใช้น้ำสะอาด ล้างหลายๆ ครั้งก็สะอาดขึ้น หรือถ้ามีพวกไขมันมาเกาะก็ใช้น้ำอุ่นล้าง แต่ห้ามล้างเข้าไปข้างในเด็ดขาด หากอยากให้ร่างกายมีแบคทีเรียที่ดีก็พยายามดื่มพวกโยเกิร์ตหรืออะไรที่มี ส่วนผส­มของแลคโตบาซิลลัส ก็จะทำให้ร่างกายเรามีแบคทีเรียที่ดีไว้ป้องกันเชื้อโรค
*เด็กเล็กๆ วัยอนุบาลหรือวัยประถม จะใช้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นได้หรือเปล่า *
ไม่ ควรใช้น้ำยาเหล่านี้กับเด็กๆ เด็ดขาดจนกว่าจะอายุ 15 ปีขึ้นไป เพราะสำหรับเด็กเล็กๆ นั้นใช้การทำความสะอาดแบบธรรมดาๆ ก็พอเพียงแล้ว
*สบู่ โฟม หรือน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เลือกใช้อย่างไรให้ถูกสุขลักษณะที่สุด
* ไม่ว่าจะใช้อะไรก็ตาม ก็แล้วแต่รสนิยม ความชอบของแต่ละคนผลที่ได้คงไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ น้ำที่ใช้ล้างทำความสะอาดต่างหาก ที่ต้องแน่ใจว่าเราใช้น้ำสะอาดจริงๆ ท่านั้น
*เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจุดซ่อนเร้น *
การใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นนี้ ควรเลือกด้วยความระมัดระวัง เพราะเนื้อเยื่อของผิวส่วนนี้จะมีธรรมชาติที่บอบบางและละเอียดอ่อน เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือการส่วนล้างช่องคลอดเพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ การ­เป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือที่หนักกว่านั้นก็คือ การติดเชื้อของท่อรังไข่ ซึ่งอาจนำไปสู่การตั้งนอกมดลูกหรือเป็นหมันได้ในอนาคต
ของเหลวที่ เรียกว่าตกขาว ซึ่งมีลักษณะเป็นมูกออกมาจากช่องคลอดนั้น คือสิ่งที่ร่างกายผลิตออกมาเพื่อช่วยในการทำความสะอาดช่องคลอด หากร่างกายปกติ ตกขาวนี้จะไม่มีกลิ่นคาวช่วงหลังรอบเดือนจะมีลักษระสีขาวข้นเหมือนขี้ผึ้ง แต่จะ­ใสและยืดเหนียว มีลักษณะเหมือนไข่ขาวดิบๆ ในช่วงระยะการตกไข่ นอกจากนั้น ตกขาวยังเป็นสิ่งบอกคุณภาพของจุดซ่อนเร้นได้เป็นอย่างดีหากตกขาวมีกลิ่นคาว หรือ­เหม็น มีสีเหลืองหรือเขียวรวมทั้งมีอาการคันและแสบร่วมด้วย แสดงว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นในช่องคลอด.

เห็นว่าน่าสนใจดีเลยเอามาฝากอีกตามเคยนะ จะได้เอาไปปรับปรุงซึ่งบางทีเราอาจจะเคยปฏิบัติแบบผิดวิธีที่มันควรจะเป็น แล้วจะหาเรื่องอย่างนี้มาเพิ่มอีกจ้า

ข้อปฏิบัติในระหว่างการจัดฟัน

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

จัดฟัน

1. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง เหนียวและกรอบทั้งหลาย เช่น การเคี้ยวก้อนน้ำแข็ง ปลาหมึก ถั่ว ลูกอม ท้อฟฟี่ และหมากฝรั่ง เพราะจะทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุดได้

2. การรับประทานผัก ผลไม้ ควรตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กพอคำ และเคี้ยวด้วยฟันกรามข้างหลัง ควรเลือกรับประทานของอ่อน ๆ

3. ในระยะแรกของการจัดฟันมักจะเจ็บฟันและอาจมีแผลเกิดขึ้นในช่องปาก ซึ่งอาการจะค่อย ๆ ทุเลาลงในสัปดาห์ที่ 2 การลดการระคายเคืองโดยนำขี้ผึ้งที่ได้รับจากทันตแพทย์ทาปิดทับบริเวณที่ แหลมคมและการดื่มน้ำให้มาก จะทำให้แผลหายเร็วขึ้น

4. ถ้ามีลวดเส้นเล็ก ๆ งอมาแทงริมฝีปากหรือแก้ม ให้ใช้ของไม่มีคม เช่น ยางลบปลายดินสอเช็ดแอลกอฮอล์ กดปลายลวดเข้าไป

5. แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อลดการเกิดฟันผุในระหว่างการจัดฟัน

6. ในระหว่างการจัดฟันควรพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูน ทำความสะอาดฟันและตรวจฟันผุทุก ๆ 6 เดือน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย

ถาม     โดยทั่วไป คนไข้ควรจะรับการบำบัดรักษาทางทันตกรรมจัดฟันเมื่ออายุเท่าไร ?

ตอบ     การที่จะเริ่มให้การบำบัดรักษาทางทันตกรรมจัดฟันเมื่ออายุเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับ

1) หากมีความผิดปกติของ ความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบน-ล่าง ก็ควรจะเริ่มการบำบัดรักษา ตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อป้องกันมิให้ปัญหาลุกลามต่อไป

2) หากมีความผิดปกติในการเรียงตัวของฟัน เฉพาะตำแหน่ง ซึ่งถ้าทิ้งไว้ จะทำให้มีผลต่อพัฒนาการ ของกระดูกขากรรไกร และฟันข้างเคียง และการแก้ไขความผิดปกติดังกล่าวสามารถทำได้ไม่ยุ่งยาก ก็ควรจะเริ่มการบำบัดรักษา ตั้งแต่เมื่อเริ่มพบเห็น ความผิดปกติ

3) หากคนไข้มีอุปนิสัย (Oral habit) ที่ผิดปกติบางประการที่มีผลต่อพัฒนาการของกระดูกและฟัน เช่น การกลืนที่ผิดปกติ การกัดริมฝีปากและเล็บ การดูดนิ้ว การหายใจทางปาก ก็ควรจะเริ่มให้การบำบัดรักษาอุปนิสัยที่ผิดปกติดังกล่าว ตั้งแต่ในระยะแรกที่ตรวจพบ

ถาม   ในกรณีที่ทันตแพทย์จัดฟันเห็นว่าคนไข้มีความจำเป็นต้องรับการบำบัดรักษา

ตั้งแต่ในวัยเด็กแต่คนไข้ละเลย และมาขอรับการบำบัดรักษาตอนโตจะเกิดผลเสียใด ๆ หรือไม่ ?

ตอบ   ผลที่อาจเกิดขึ้นมีหลายประการ ดังนี้

1)   ความผิดปกติมีความรุนแรงมากขึ้น จนทำให้เกิดความยากลำบากในการบำบัดรักษา หรือในบางรายมีความจำเป็นต้องใช้การผ่าตัดขากรรไกรเข้าร่วมกับการบำบัดรักษา ทางทันตกรรมจัดฟัน

2)   ผลของการบำบัดรักษาอาจไม่ได้ผลดีเท่ากับการบำบัดรักษาที่เริ่มต้นเมื่อวัยเด็ก

3)   การบำบัดรักษาช่วงที่เด็กเข้าสู่วัยรุ่น อาจจะใช้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่า

ถาม   คนไข้ที่มาขอรับการบำบัดรักษาทางทันตกรรมจัดฟันจำเป็นต้องถอนฟันเพื่อการจัดฟันหรือไม่ ?

ตอบ   การบำบัดรักษาทางทันตกรรมจัดฟันจำเป็นต้องถอนฟันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตรวจพิเคราะห์ของทันตแพทย์จัดฟัน แต่โดยทั่วไปคนไข้ที่มีฟันซ้อนเกมากหรือฟันยื่นมากมักจะมีแนวโน้มที่จะต้อง ถอนฟัน

ถาม    เครื่องมือที่ใช้ในการจัดฟันมีกี่ชนิด และคนไข้สามารถเลือกเครื่องมือในการบำบัดรักษาได้หรือไม่ ?

ตอบ   เครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดรักษาทางทันตกรรมจัดฟันแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประการ คือ เครื่องมือชนิดติดแน่น ซึ่งจะเป็นโลหะที่ติดอยู่บนซี่ฟัน ตลอดช่วงเวลาของการบำบัดรักษา และเครื่องมือชนิดถอดได้ ซึ่งคนไข้สามารถถอดออก

และใส่ได้เอง ซึ่งเครื่องมือแต่ละชนิดก็จะให้ผลในการบำบัดรักษาที่แตกต่างกัน การใช้เครื่องมือชนิดใด ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตัดสินใจของทันตแพทย์จัดฟันถึงความจำเป็นและความ เหมาะสมของเครื่องมือแต่ละชนิด

ถาม    ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟันนั้นนานเท่าใด

ตอบ   การบำบัดรักษานั้นจะยาวนานเท่าใด ขึ้นอยู่กับ ความผิดปกติที่ต้องการแก้ไขและความร่วมมือของคนไข้ หากคนไข้ให้ความร่วมมือดีผลการบำบัดรักษาก็จะออกมาดีและใช้ระยะเวลาสั้น แต่การรักษาโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี

ถาม    ระหว่างการรักษาคนไข้จะต้องไปพบทันตแพทย์จัดฟันบ่อยเพียงใด ?

ตอบ   โดยทั่วไปคนไข้จะต้องไปพบทันตแพทย์จัดฟัน ทุก 3-5 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงของการบำบัดรักษา

ถาม    ในการจัดฟันจะมีผลทำให้ฟันผุง่ายขึ้นหรือไม่ ?

ตอบ   ฟันที่ได้รับการบำบัดรักษาทางทันตกรรมจัดฟันก็เหมือนฟันปกติทั่วไป ซึ่งหากทำความสะอาด อย่างสม่ำเสมอและทั่วถึงแล้วก็ไม่มีโอกาสที่จะผุ

ถาม    ในระหว่างจัดฟันจะต้องมีการดูแลความสะอาดเป็นพิเศษใด ๆ หรือไม่ ?

ตอบ   โดยทั่วไปมักจะแนะนำให้คนไข้จัดฟันแปรงฟันและทำความสะอาดฟันหลังอาหารทุกมื้อ

ในกรณีที่ใช้เครื่องมือชนิดถอดได้ ก็ให้ทำความสะอาดเครื่องมือด้วยยาสีฟันและแปรงสีฟันร่วมด้วย นอกจากนี้ก็ควรงดเว้นอาหารรสหวานจัด หรือติดฟัน ในรายที่ใช้เครื่องมือ ชนิดติดแน่น ควรงดเว้นอาหารกรอบและแข็ง

เช่น ถั่วต่าง ๆ , น้ำแข็ง เพราะมีโอกาสที่จะทำให้เครื่องมือ ที่ติดอยู่กับฟันหลุดออก อันจะมีผลให้ การบำบัดรักษายุ่งยากและไม่ได้ผลเท่าที่ควร

ถาม    ในการจัดฟันนั้นเจ็บมากน้อยเพียงใด ?

ตอบ   ทุกครั้งที่มีการปรับหรือเปลี่ยนลวดที่ใช้ในการจัดฟัน คนไข้จะรู้สึกตึง หรือเจ็บบ้าง ในช่วงสัปดาห์แรก ของการปรับเปลี่ยนลวดจัดฟัน แต่หากรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงผิดปกติควรกลับไปพบทันตแพทย์จัดฟันผู้ให้การบำบัด รักษาทันที

ถาม    ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันนั้นแพงหรือไม่ ?

ตอบ   ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันนั้น จะแตกต่างกันไปบ้างขึ้นกับชนิด ของการบำบัดรักษา

และระยะเวลาในการบำบัดรักษา ทั้งนี้คนไข้ควรสอบถาม และตกลงถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด และวิธีในการชำระค่าใช้จ่ายจากทันตแพทย์จัดฟันผู้ให้การบำบัดรักษา ก่อนที่จะเริ่มต้นการบำบัดรักษา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย